Tiffany & Co ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมของเครื่องประดับอันวิจิตรงดงามที่รู้จักกันทั่วโลก ความสง่างามเหนือกาลเวลา และกล่องสีฟ้าเทอร์ควอยซ์อันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งความสำเร็จเหล่านี้ไม่ได้มาจากโชคช่วย แต่เป็นการใช้สีสร้างแบรนด์อย่างมีกลยุทธ์
Tiffany & Co ก่อตั้งขึ้นในปี 1837 โดย Charles Lewis Tiffany และ John B. Young ที่มุ่งมั่นที่จะแบรนด์ที่เป็นเอกลักษณ์ในวงการเครื่องประดับ ด้วยการนำเสนอสิ่งที่แตกต่างออกไป โดยออกนอกกรอบการออกแบบและสีสันแบบเดิมๆ และได้ถือกำเนิดสีฟ้าทิฟฟานี่ หรือ Tiffany Blue ขึ้นมา
ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าทำไมต้องเป็นสีนี้ บางคนตั้งข้อสังเกตว่า Charles Lewis Tiffany เลือกสีนี้เพราะมีสีเหมือนเทอร์ควอยซ์ ซึ่งเป็นอัญมณีที่ได้รับความนิยมสูงมากในศตวรรษที่ 19 และ Charles Lewis Tiffany เชื่อว่าสีฟ้าเฉดนี้เป็นสีที่ดึงดูดใจ และจะทำให้แบรนด์ของเขาแตกต่างจากคู่แข่ง
ในปี 1845 สี Tiffany Blue ถูกนำมาใช้ครั้งแรกบนปกแค็ตตาล็อก หรือที่เรียกว่า The Blue Book และหลังจากที่ Tiffany ได้มีการใช้สีฟ้าเฉดนี้มาอย่างยาวนานถึง 153 ปี ในปี 1998 บริษัทก็ได้มีการจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายการค้าในชื่อ “Tiffany Blue®” เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้แบรนด์ที่อยู่ในธุรกิจเดียวกัน มาใช้สีซ้ำกัน จนทำให้ผู้บริโภคสับสนนั่นเอง
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือในปี 2001 สี Tiffany Blue® ได้รับการกำหนดรหัสสี และชื่อใน Pantone ว่า “1837 Blue” หมายเลขในรหัสสีก็คือ ปีที่ก่อตั้ง Tiffany & Co ขึ้นมา เรียกได้ว่าสร้างขึ้นเพื่อ Tiffany โดยเฉพาะ และไม่เปิดให้สาธารณะได้ใช้ ทำให้ไม่ว่าสื่อต่างๆ จะผลิตสีออกมาในรูปแบบใด แต่เฉดสีของ Tiffany จะยังคงสม่ำเสมอและถูกจดจำได้ในทันที
ในทุกบรรจุภัณฑ์และตราสินค้าทั้งหมดของ Tiffany จะใช้เป็นสี Tiffany Blue® ตามเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้ง รวมถึง Tiffany Blue Box กล่องสีฟ้าผูกด้วยริบบิ้นขาว ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความหรูหราที่ผู้หญิงทั่วทั้งโลกอย่างได้เป็นของขวัญสักครั้งหนึ่ง
บางคนอาจจะมองว่าการใช้สีจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ความจริงแล้วนั้นสำคัญต่อเรื่องการสร้างแบรนด์เป็นอย่างมาก ทั้งให้เรื่องภาพลักษณ์ที่ชัดเจนของแบรนด์ และในเรื่องของการง่ายต่อการจดจำ
นอกจากการสร้างแบรนด์ Tiffanyยังทำให้สี Tiffany Blue®เพิ่มยอดขายให้กับบริษัทได้อีกหลายเท่า ในการร่วมมือกับแบรนด์ดังๆ หลายเจ้า ที่ต้องการนำเฉดสีฟ้าเทอร์ควอยซ์นี้ไปใส่ในสินค้าของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาที่ทำร่วมกับแบรนด์ Patek Philippe ที่ใช้สี Tiffany Blue® ในส่วนของหน้าปัดนาฬิกา หรือเสื้อยืดที่ทำร่วมกับแบรนด์ Supreme ที่เป็นสีโลโก้จากสีแดง มาเป็นสี Tiffany Blue® แทน ไปจนถึงรองเท้าที่ทำร่วมกับแบรนด์ Nike ที่เปลี่ยนโลโก้มาเป็นสีฟ้า Tiffany Blue® เช่นกัน
อะไรที่ทำให้ Tiffany สามารถสร้างแบรนด์โดยใช้สีฟ้าธรรมดาๆ จนกลายเป็นเฉดสีที่มีมูลค่ามหาศาล และทำให้แบรนด์แข็งแกร่งขนาดนี้ วันนี้เรามีข้อสังเกตมาฝากค่ะ
1. Consistency : ความสม่ำเสมอ
Tiffany ใช้สี Tiffany Blue ® อย่างสม่ำเสมอในการสื่อสารแบรนด์ทั้งหมด ไม่ใช่แค่ใช้สีนี้ในโลโก้และบรรจุภัณฑ์เท่านั้น แต่ใช้สีนี้ในทุกด้านของการตลาดของแบรนด์ ตั้งแต่สีข้อความบนเว็บไซต์ แคมเปญการตลาดต่างๆ ไปจนถึงการจัดแสงในร้าน เพื่อให้ทุกๆ จุดของแบรนด์เชื่อมโยงกัน และด้วยความสม่ำเสมอและการใส่ใจในรายละเอียดนี้ แบรนด์จึงได้สร้างเอกลักษณ์ที่เหนียวแน่นและสี Tiffany Blue ® จึงกลายเป็นภาพจำของแบรนด์ไปโดยปริยาย
2. Trademarking : เครื่องหมายการค้า
จากที่กล่าวไปคือ Tiffany ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของเฉดสีฟ้าหรือ Tiffany Blue® ที่ใช้ในการสร้างแบรนด์ จึงรับประกันได้ว่าจะไม่มีแบรนด์อื่นสามารถใช้สีฟ้าเฉดนี้ในการสร้างแบรนด์ได้ เท่ากับว่าเอกสิทธิ์ของสี Tiffany Blue® ในการทำ Branding เป็นของ Tiffany เท่านั้น จึงตอกย้ำความเชื่อมโยงกับแบรนด์มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าลูกค้าจะเห็นสีฟ้าเฉดนี้จากมุมใดของโลกใบนี้ ก็จะนึกถึง Tiffany ขึ้นมาทันที
3. Emotional connection : การเชื่อมโยงทางอารมณ์
เป็นที่ทราบกันดีว่าสีฟ้ามีผลเชิงบวก เป็นสีที่ดูเรียบง่าย สบายตา ทำให้จิตใจสงบและผ่อนคลาย สี Tiffany Blue® จึงมักจะเกี่ยวข้องกับอารมณ์ที่รู้สึกสงบ รู้สึกมีความสุข แต่ก็ยังดูสง่างาม ลุ่มลึก และหรูหราไปพร้อมๆ กัน อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับความโรแมนติก เนื่องจากมักถูกนำมาใช้เป็นของขวัญพิเศษในการหมั้น การแต่งงาน จึงทำให้แบรนด์ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของของขวัญสำหรับโอกาสพิเศษต่างๆ
4. Iconic packaging : บรรจุภัณฑ์ที่กลายเป็นสัญลักษณ์
กล่องสีฟ้าที่ผูกริบบิ้นขาวของ Tiffany หรือ Tiffany Blue Box เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่กลายเป็นสัญลักษณ์โดดเด่นของแบรนด์และเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก บางคนเรียกมันว่า ‘Little Blue Box’ ที่เพียงแค่มองจากไกลๆ โดยไม่ต้องเห็นชื่อแบรนด์ ก็ยังรู้ว่าคือกล่องของขวัญจาก Tiffany ซึ่งเจ้ากล่องนี้ช่วยเสริมเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์ และเพิ่มประสบการณ์ความรู้สึกพิเศษให้กับลูกค้าเป็นอย่างมาก เพราะถึงมีเงินมากแค่ไหนก็ซื้อกล่องนี้เพียงอย่างเดียวไม่ได้ เพราะ Tiffany จะมอบกล่องนี้ให้กับลูกค้าของเขาเท่านั้น จะเห็นได้ว่าอำนาจของสีนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ และ Tiffany ก็ได้ใช้สี
Tiffany Blue® ในการสร้างแบรนด์อย่างแข็งแกร่งและเป็นที่จดจำ
การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าถือเป็นกลยุทธ์สำคัญของการทำธุรกิจ สร้างความประทับใจ ลูกค้าก็ไม่ลืมที่จะ
กลับมาซื้อซ้ำและเกิดความจงรักภักดีต่อแบรนด์
อ้างอิง
https://press.tiffany.com/our-story/tiffany-blue/
https://platformmagazine.org/2020/04/21/tiffany-co-color-is-a-brands-best-friend/