ยิ่งเข้าใจก็ยิ่งแก้ไขได้ตรงจุด

กับเหตุผลที่ทำให้ลูกค้ารักแบรนด์เรา

ไอเดียธุรกิจที่ทำให้ลูกค้าอยากกลับมาซื้อซ้ำ

ขั้นกว่าของคำว่าแก้ปัญหาให้ลูกค้า

“ธุรกิจอะไรที่ทำให้คนรักและผูกพันกับแบรนด์ โดยที่อยากกลับมาซื้อซ้ำอยู่เป็นประจำ?”

ดูจะเป็นโจทย์ยากสำหรับคนที่จะเริ่มทำธุรกิจ ถ้าให้หลาย ๆ คนลองคิดก็น่าจะตอบว่าต้องเป็นธุรกิจที่เป็นมิตรต่อลูกค้า คือสามารถแก้ไขปัญหาให้ลูกค้า ทำให้เค้ารู้สึกสบายใจและภูมิใจที่ได้ใช้ และต้องเป็นมิตรต่อโลกด้วยจึงจะเป็นแบรนด์ที่เราอยากซื้อซ้ำ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการต้องไปคิดต่อว่าจะทำยังไงให้เราเป็นแบรนด์ที่ลูกค้ารักและผูกพัน เพื่อให้ธุรกิจของเรานั้นมีความยั่งยืน 

เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับแบรนด์ผ้าอนามัย ira กับที่มาที่ไปว่าทำไมใคร ๆ ก็อยากกลับมาซื้อซ้ำ พร้อมกับแนวคิดธุรกิจที่ไม่ได้ให้ประโยชน์กับผู้หญิงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เชื่อว่าไม่ว่าใครที่ได้อ่านก็คงจะได้ไอเดียดี ๆ กลับไปไม่น้อย ลองมาดูกันว่าเค้าทำยังไงให้คนรู้สึกรักและผูกพันกับแบรนด์

รวบรวมปัญหาที่เกิดขึ้น

เริ่มจากปัญหาที่มาจากประสบการณ์ตรงของ คุณรุ้ง วรางทิพย์ สัจจทิพวรรณ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ ira ที่พบปัญหาเหมือนผู้หญิงทั่ว ๆ ไป คือต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อผ้าอนามัยในทุก ๆ เดือน ซึ่งราคาก็ไม่ใช่ถูก ๆ แถมยังต้องใช้ในปริมาณมากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผ้าอนามัยที่มีอยู่ตามท้องตลาดก็ย่อยสลายได้ยากทำให้กลายเป็นขยะให้กับโลก และยังมีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่มีอาการแพ้ผ้าอนามัย นอกจากนั้นยังมีปัญหาที่ไม่ได้เกิดกับผู้หญิงเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือการซื้อผ้าอนามัย ที่ไม่ว่าใครเป็นคนไปซื้อก็จะรู้สึกเคอะเขินและไม่มั่นใจ โดยเฉพาะผู้ชายบางคนที่ต้องออกไปซื้อแทนผู้หญิงก็คงจะทำตัวไม่ค่อยถูก 

สิ่งเหล่านี้ถ้ามองดี ๆ ก็เป็นค่านิยมที่เราถูกปลูกฝังทัศนคติแง่ลบต่อการมีประจำเดือนมาเป็นเวลานาน ทุกคนต่างรู้ดีว่ามีปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้น แต่กลับไม่มีคนสนใจที่จะแก้ไข เพราะคิดว่าใคร ๆ ก็คงจะชินไปแล้ว ซึ่งคุณรุ้งก็เป็นคนนึงที่เข้าใจปัญหาเหล่านี้เป็นอย่างดี แต่เลือกที่จะไม่ปล่อยให้ปัญหาเหล่านี้หลุดมือไป เพราะมองว่าเรื่องนี้สำคัญเกินกว่าจะมองข้ามได้ จึงได้หาทางแก้ไขและออกแบบผลิตภัณฑ์ที่จะมาแก้ปัญหาเหล่านี้ เป็นที่มาของแบรนด์ ira 

แก้ปัญหาที่ได้รวบรวมมา

ออกแบบสินค้าที่ตอบโจทย์กับกลุ่มเป้าหมาย ด้วยคอนเซ็ปต์ผ้าอนามัยที่รักเรา รักโลกและที่สำคัญต้องรู้สึกสบายใจเวลาที่ไปซื้อ จึงมีการแก้ปัญหาดังนี้

รักเรา – ผ้าอนามัย ira เป็นผ้าอนามัยออร์แกนิกที่ ไม่มีส่วนประกอบของสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ และไม่ทำให้เกิดการระคายเคือง และยังคิดถึงสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยในราคาที่ไม่สูงจนเกินไป ทำให้คนยินดีที่จะจ่ายเพราะรู้สึกคุ้มค่าเมื่อแลกกับสิ่งที่จะได้รับ นอกจากนั้นยังมี Subscription Model ที่ลดปัญหาการไม่มีผ้าอนามัยใช้ โดยเราสามารถกำหนดได้เองว่าเราจะเลือกรับหรือไม่รับเมื่อไหร่ เพราะผ้าอนามัยเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ

รักโลก – การใช้ผ้าอนามัย 1 แผ่น เท่ากับขยะพลาสติก 4 ใบ ใน 1 เดือนผู้หญิงต้องใช้ประมาณ 7 วัน ใน 1 วันก็ต้องใช้หลายแผ่น รวม ๆ แล้วเป็นการสร้างขยะปริมาณมหาศาล ซึ่งผ้าอนามัย ira ผลิตออกมาจากวัสดุธรรมชาติที่ย่อยสลายได้ถึง 99% และกลายเป็นปุ๋ยชีวภาพภายใน 12 เดือน ซึ่งตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่หันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อม

สบายใจ – บางคนอาจจะรู้สึกไม่สบายใจเวลาที่ต้องถือผ้าอนามัยไปไหนมาไหนหรือเวลาที่วางทิ้งไว้ที่ไหนซักแห่ง เพราะค่านิยมที่มองว่าผ้าอนามัยเป็นเรื่องที่ควรเก็บเอาไว้ให้เป็นส่วนตัว แบรนด์ทั่วไปที่มีอยู่ในตลาดก็มี Packaging ที่มีสีสันฉูดฉาด ด้วยความที่คุณรุ้งต้องการเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อประจำเดือนใหม่ จึงได้มีการออกแบบ Packaging ที่เป็นกล่องสีขาว เรียบ ๆ มีตัวหนังสือสีแดง ที่ดูแล้วไม่รู้เลยว่าเป็นกล่องผ้าอนามัย ทำให้วางไว้ที่ไหนก็ไม่รู้สึกเขิน และยังใส่ใจความรู้สึกของผู้ใช้ โดยออกแบบมาเพื่อลูกค้าทุกคนที่ไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้น

การออกแบบที่มากกว่า Packaging

Packaging ของแบรนด์ ira ไม่ใช่แค่การออกแบบให้ผู้ใช้รู้สึกสบายใจเพียงเท่านั้น แต่มันคือการ Redesign ทางการตลาดที่ไม่ได้หมายความว่าแบบเก่าไม่ดี แต่เป็นการกลับมาคิดอีกครั้งว่ามันยังมีจุดไหนที่ทำให้ดีขึ้นได้รึเปล่า หรือถ้ามองกว้างกว่านั้นก็จะเรียกว่า Social Movement หรือแรงขับเคลื่อนทางสังคม โดยคุณรุ้งให้ความสำคัญในเรื่องสิทธิสตรี ซึ่งเป็นสิ่งที่คนอาจมองข้ามเพราะคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาเล็กๆน้อยๆ แต่เค้ากลับทำให้เรื่องธรรมดากลายเป็นเรื่องพิเศษขึ้นมาได้ ดังนั้นเราอาจจะต้องมองให้ไกลกว่าคำว่า Packaging

ตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม

คุณรุ้งยังบอกอีกว่าคุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนพฤติกรรม ไม่ใช่ว่าต้องเปลี่ยนการใช้ผ้าอนามัยเป็นอย่างอื่น เพราะผ้าอนามัยยังมีความจำเป็นอยู่ เพียงแต่ต้องเปลี่ยนตัวสินค้าให้เป็นมิตรกับผู้ใช้และสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ลองกลับมาดูว่าสินค้าของเราเป็นมิตรต่อโลกหรือป่าว เพราะไม่ว่าใครก็คงไม่อยากอยู่ในโลกที่มีแต่มลพิษ ทุกคนจึงต้องร่วมมือร่วมใจกันผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่หน่วยธุรกิจต้องหยิบขึ้นมาเป็นประเด็น เพราะปัจจุบันคนรุ่นใหม่ไม่ได้คิดถึงสินค้าที่ใช้แล้วทิ้ง แต่พวกเขาคิดถึงสินค้าที่จะสามารถกลับมาเป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติได้ หากธุรกิจของเราให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจของเราอยู่ได้อย่างยั่งยืน

สิ่งที่แบรนด์ผ้าอนามัย ira ได้ทำเพื่อลูกค้านั้น เป็นสิ่งที่ทำให้คนรู้สึกไม่ลังเลที่จะต้องเปลี่ยนจากแบรนด์ที่ใช้อยู่มาลองใช้แบรนด์นี้ เพราะความใส่ใจในกลุ่มเป้าหมายที่มากพอจนเกิดความเข้าใจ จึงทำให้เห็นถึงปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น และหาทางแก้ไขปัญหาให้กลุ่มเป้าหมายได้ในทุกด้าน นอกจากนั้นยังส่งเสริมในเรื่องคุณภาพชีวิต สิทธิสตรี และสิ่งแวดล้อมที่คนส่วนใหญ่หันมาให้ความสนใจ ทำให้คนรักและผูกพันกับแบรนด์จนอยากกลับมาซื้อซ้ำ

นี่คือตัวอย่างไอเดียในการสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน ลูกค้ารักและผูกพัน นำไปสู่การบอกต่อและซื้อซ้ำ เพราะแบรนด์เป็นมิตรต่อลูกค้า และมีจุดยืนที่คิดถึงอนาคตในระยะยาว คิดถึงว่าแบรนด์จะอยู่ร่วมกันกับผู้บริโภคและโลกนี้ยังไง ลองนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณดูนะคะ


(นนนี่รู้สึกว่าที่ลงในเพจดีมากเลยค่ะ เลยลองมาปรับดูค่ะ)

สิ่งที่ลูกค้าสมัยใหม่มองหาไม่ใช่แค่สินค้าอีกต่อไป

แต่เป็นธุรกิจที่ทำให้ลูกค้าสบายใจต่างหาก

ใคร ๆ ก็ชอบความสบายใจจริงมั้ยคะ ไม่ว่าจะเป็นคนที่สบายใจหรือที่ที่เราสบายใจ เราก็อยากอยู่ใกล้ ๆ ไม่อยากหนีไปไหนทั้งนั้น ธุรกิจก็เช่นกันค่ะ หากเราทำให้ลูกค้าสบายใจได้ พวกเขาก็จะไม่หนีไปไหนแน่นอน

แล้วธุรกิจที่ทำให้ลูกค้าสบายใจเป็นแบบไหนกันนะ?

วันนี้เรามีธุรกิจที่จะมาเป็นตัวอย่างการสร้างความสบายใจให้กับลูกค้า กับที่มาที่ไปว่าทำไมใคร ๆ ก็อยากกลับมาซื้อซ้ำ ไปดูกันเลยค่ะ

คุณรุ้ง วรางทิพย์ สัจจทิพวรรณ เจ้าของแบรนด์ผ้าอนามัย ira เล่าว่าธุรกิจนี้เริ่มมาจากปัญหาที่ผู้หญิงทุกคนพบเจอ คือต้องจ่ายเงินไม่ใช่ถูก ๆ เพื่อซื้อมาใช้ในปริมาณมากอย่างเลี่ยงไม่ได้ บางคนก็แพ้ บางครั้งก็มาแบบไม่ตั้งตัว บางทีก็รู้สึกเขิน ไม่ค่อยสบายใจเวลาที่ไปซื้อ แถมยังกลายเป็นขยะมหาศาลให้กับโลกอีก

คุณรุ้งเข้าใจปัญหาเหล่านี้เป็นอย่างดี แม้ว่าคนอื่นจะไม่ค่อยสนใจ แต่คุณรุ้งเลือกที่จะไม่ปล่อยไป เพราะมองว่าเป็นเรื่องใหญ่เกินกว่าจะมองข้าม จึงหาทางแก้ไขและออกแบบผ้าอนามัยที่จะมาแก้ปัญหาเหล่านี้

#ช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้า

จากปัญหาที่กล่าวมา เกิดเป็น ira แบรนด์ผ้าอนามัยออร์แกนิค ที่ไม่มีสารเคมี ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และขายในราคาที่ไม่สูงเกินไป และด้วยความเข้าใจในภาวะเศรษฐกิจ ทำให้คนยินดีจ่ายเพราะรู้สึกคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้รับ แถมยังมี Subscription Model ที่ลดปัญหาการไม่มีผ้าอนามัยใช้ โดยกำหนดได้เองว่าจะรับหรือไม่รับเมื่อไหร่ เพราะผ้าอนามัยเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ

#สบายใจทั้งคนใช้และคนซื้อ

บางคนอาจรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเวลาที่ต้องถือผ้าอนามัยไปไหนมาไหนหรือว่าวางทิ้งไว้ที่ไหนซักแห่ง เพราะค่านิยมที่ว่าผ้าอนามัยเป็นเรื่องส่วนตัว แบรนด์ทั่วไปที่มีอยู่ในตลาดก็มี Packaging สีสันฉูดฉาด 

ด้วยความที่คุณรุ้งต้องการเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อประจำเดือนใหม่ จึงได้ออกแบบ Packaging เป็นกล่องสีขาว เรียบ ๆ มีตัวหนังสือสีแดง ดูแล้วไม่รู้เลยว่าเป็นกล่องผ้าอนามัย ทำให้วางที่ไหนก็ไม่รู้สึกเขิน และยังใส่ใจความรู้สึกของผู้ซื้อ โดยการสร้างความสบายใจไม่ว่ากับเพศไหนก็ตาม คุณผู้ชายก็ไม่ต้องรู้สึกเขินเวลาที่ต้องไปซื้ออีกต่อไป

#ดีต่อสังคม

คุณรุ้งให้ความสำคัญในเรื่องสิทธิสตรี ปัญหาที่ผู้หญิงต้องเจอ หลายคนอาจมองข้ามเพราะคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่คุณรุ้งกลับทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องพิเศษขึ้นมาได้ด้วยการออกแบบสินค้าที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้หญิง ถือเป็นแรงขับเคลื่อนสังคมอย่างหนึ่ง

#ดีต่อโลก

การใช้ผ้าอนามัย 1 แผ่น เท่ากับขยะพลาสติก 4 ใบ ใน 1 เดือนผู้หญิงต้องใช้ผ้าอนามัย รวม ๆ แล้วเป็นขยะปริมาณมหาศาล แต่ก็ไม่ใช่ว่าต้องเปลี่ยนการใช้ผ้าอนามัยเป็นอย่างอื่น เพราะผ้าอนามัยยังจำเป็น จึงต้องเปลี่ยนที่ตัวสินค้าให้เป็นมิตรกับผู้ใช้และสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งผ้าอนามัย ira ผลิตจากวัสดุธรรมชาติที่ย่อยสลายได้ถึง 99% และกลายเป็นปุ๋ยชีวภาพภายใน 12 เดือน ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก

สิ่งที่แบรนด์ผ้าอนามัย ira ทำนั้น เป็นการสร้างความสบายใจให้กับลูกค้า ทำให้คนไม่ลังเลที่จะเปลี่ยนจากแบรนด์เดิมที่ใช้อยู่มาลองใช้แบรนด์นี้ เพราะความใส่ใจที่มากพอจนเกิดเป็นความเข้าใจ เห็นถึงปัญหาและหาทางแก้ไข สามารถให้ความสบายใจกับลูกค้าได้ในทุก ๆ ด้าน


ผลลัพธ์ที่ได้จากความสบายใจ คือความผูกพันที่นำไปสู่การบอกต่อและซื้อซ้ำ ลองกลับมาคิดดูนะคะว่าธุรกิจของเราจะอยู่ร่วมกับผู้บริโภคและโลกใบนี้ยังไงให้สบายใจกันทุกฝ่าย แล้วจะไม่มีใครอยากหนีไปจากคุณแน่นอนค่ะ ลองนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณดูนะคะ


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *