ในแวดวงแบรนด์หรู Bvlgari คือ แบรนด์จิวเวลรีชั้นสูง ที่ผู้คนให้การยอมรับว่ามีงานฝีมือที่ไม่มีใครเทียบได้
เครื่องประดับแต่ละชิ้นแสดงถึงความั่งคั่ง และความสง่างามเหนือกาลเวลา แต่รู้หรือไม่ว่า ภายใต้อัญมณีที่ส่องแสงระยิบระยับนั้น มีเรื่องราวอยู่มากมาย ที่ทำให้ Bvlgari เป็นมากกว่าแค่เครื่องประดับราคาแพง เพราะ Bvlgari ไม่ได้ขายเพียงสินค้าเท่านั้น แต่เป็นการส่งต่อมรดก และรักษาสายเลือดของศิลปะที่หาตัวจับยาก

วันนี้เราจะมาถอดรหัสวิธีการของ Bvlgari ที่สร้างประสบการณ์ของลูกค้าให้เหนือกว่าแค่การซื้อสินค้า แต่เป็นการดึงดูดลูกค้าจากประวัติศาสตร์และประเพณีอันยาวนาน

จุดเริ่มต้นของ Bvlgari

ในปี 1884 Sotirio Bulgaris ผู้ซึ่งเป็นช่างเครื่องเงินชาวกรีกที่อพยพเข้ามาอยู่ในอิตาลี ได้ให้กำเนิดแบรนด์ Bvlgari ขึ้นมา ซึ่งที่มาของชื่อแบรนด์ก็มาจากคำอ่านออกเสียงของชื่อเขา โดยในปัจจุบัน ถือว่าแบรนด์ Bvlgari เป็นแบรนด์เครื่องประดับที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดของอิตาลี และการใช้ตัว “V” ในชื่อแบรนด์ คือความตั้งใจที่จะระลึกและดำรงไว้ซึ่งรากฐานของวัฒนธรรมกรีกโบราณนั่นเอง

หัตถศิลป์คือหัวใจ

แน่นอนว่า Bvlgari อุทิศตนอย่างแน่วแน่ต่องานฝีมือที่ไม่มีใครเทียบได้ ตั้งแต่ความใส่ใจในการเลือกอัญมณี ทักษะการเจียระไนจากช่างฝีมือชั้นครู ไปจนถึงการขึ้นตัวเรือนและการจบงานอย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ความมุ่งมั่นสู่การเป็นเลิศของ Bvlgari ปรากฏชัดในชิ้นงานทุกชิ้นที่รังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน

เรื่องราวคือแก่นแท้

แต่ในขณะที่หลายๆ แบรนด์จะให้ความสำคัญกับตัวสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่ Bvlgari คิดเหนือไปกว่านั้น หัวใจสำคัญของความหรูหราที่ Bvlgari ไม่ใช่เพียงแต่สิ่งที่จับต้องได้ แต่ยังมีประวัติศาสตร์อันงดงามของกรีก-โรมัน ได้แทรกซึมอยู่ในทุกแง่มุมของผลิตภัณฑ์ เพราะพวกเขาตระหนักถึงความสำคัญของเรื่องเล่า (Power of Storytelling) จึงทำให้ผลงานของ Bvlgari ทุกชิ้น เต็มไปด้วยเรื่องราวที่ไม่เหมือนใคร

แม้เวลาจะผ่านมาหลายร้อยปี แต่แรงบันดาลใจในการรังสรรค์ผลงานของ Bvlgari ยังมาจากมรดกทางศิลปวัฒนธรรม รวมถึงสถาปัตยกรรมโบราณในยุคกรีก-โรมัน ทำให้เครื่องประดับแต่ละชิ้นของ Bvlgari มีความโดดเด่น เปี่ยมไปด้วยความหมายและความรู้สึก Bvlgari จึงเป็นเหมือนตัวแทนของความสมดุล ที่สอดประสานระหว่างเรื่องราวในอดีตและนวัตกรรมการออกแบบร่วมสมัยได้อย่างลงตัว ดั่งเช่น คอลเล็กชั่น Serpenti นาฬิกาข้อมือที่ใช้นวัตกรรมจากปัจจุบัน คือ micro-calibre Piccolissimo หรือหนึ่งในกลไกนาฬิกาที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก ผสมผสานกับศิลปะจากอดีตในการออกแบบตัวกำไล ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากกำไลต้นแขนอียิปต์โบราณ รวมถึงหน้าปัดนาฬิกาทรงหัวงู อันเป็นสัญลักษณ์ซึ่งแสดงความเคารพต่อความหลงใหลในงูของชาวโรมันโบราณ

Bvlgary : ผู้รักษามรดกแห่งวัฒนธรรม

จากที่กล่าวมา Bvlgari  จึงเป็นมากกว่าแบรนด์หรู แต่ยังเป็นเหมือนผู้อนุรักษ์ศิลปะและประเพณีของคนรุ่นก่อน ดึงดูดลูกค้าด้วยการผสมผสานชิ้นงานอันปราณีต เข้ากับเรื่องราวที่เข้มข้นและโอบรับมรดกของกรีก-โรมัน ทำให้ผู้คนมีความรู้สึกได้เป็นส่วนหนึ่งของสายเลือดอันทรงเกียรติ

Bvlgari จึงกลายเป็นเครื่องประดับอันล้ำค่าที่บอกเล่าเรื่องราวของความรัก ความหลงใหล และประเพณีที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น เสน่ห์ของ Bvlgari จึงไม่ใช่แค่ความงามที่แท้จริงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงมรดกตกทอดที่ส่งต่อมาอีกด้วย

ด้วยรัก

แป้ง กนกวรรณ

ที่มา :

https://mygemma.com/blogs/news/bvlgari-history

https://www.thaniwatlee.com/th/blog/2131/blog-2131

https://www.vogue.co.th/watches-jewellery/article/vogue-more-march-23-bulgari

https://style.katexoxo.com/

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *