Hermes เป็นแบรนด์เครื่องหนังที่ถือกำเนิดมาจากการทำบังเหียนม้า ต่อมาเมื่อม้าถูกแทนที่ด้วยรถ Hermes จึงต้องเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจเล็กน้อย มาผลิตเครื่องหนัง เสื้อผ้า และเครื่องใช้อื่นๆแทนค่ะ
เป็นที่ทราบกันดีว่า Hermes มีจุดขายตรงที่กระเป๋าแต่ละใบนั้นผลิตด้วยแรงงานคนทั้งสิ้น อย่างเบอร์กิ้น (Birkin) ก็ต้องใช้เวลาทำอย่างน้อย 18 ชั่วโมง โดยสุดยอดช่างมีฝีมือที่ต้องผ่านการเทรนในโรงเรียนฝึกทำเครื่องหนัง Hermes
ดังนั้นไม่ง่ายเลย…
หากจะซื้อ Hermes สักหนึ่งใบ การบริการและการขาย Hermes จึงใช้รูปแบบของ “การจองคิว” ค่ะ
ยกตัวอย่างเช่น…
หากเราต้องการซื้อกระเป๋าสักใบในร้านเราอาจจะต้องสะสมเครื่องประดับชิ้นเล็กชิ้นน้อยเสียก่อนเพราะกระเป๋าที่เราอยากได้นั้นอาจมีลูกค้าจองอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว
การบริการตามลำดับก่อนหลังนั้น ช่วยให้ Hermes วางแผนการผลิตง่ายและของขายหมด
เมื่อคนต้องการมาก ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำก็ไม่มีผลกระทบต่อ Hermes เท่าไหร่นัก
เมื่อต้องรอ…ลูกค้าก็จะไปซื้อกระเป๋าสตางค์หรือเครื่องประดับอย่างอื่นก่อน ทำให้ Hermes ได้กำไรมากขึ้น
อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญคือ…
จุดแข็งของ Hermes คือความมั่นใจในคุณภาพของหนังและของช่างเย็บกระเป๋าว่าลอกเลียนแบบได้ยาก
Serial Number ที่ปั๊มในกระเป๋าแต่ละใบเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงช่างผู้ผลิตกระเป๋าและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะว่า…
หากกระเป๋าชำรุดเสียหาย จะส่งกลับไปให้ช่างผู้สร้างกระเป๋าใบนี้ขึ้นมาเป็นคนซ่อมด้วยมือของเขาเอง แม้ว่าบางใบจะใช้เวลาซ่อมเป็นปีก็ตาม…
สินค้าที่มีเอกลักษณ์ทุกชิ้นมีพื้นที่ในการขายเสมอ…
ด้วยรัก
แป้ง