รับมือกับวิกฤติให้ธุรกิจอยู่รอด
ไอเดียการปรับตัวในยุคโควิดตามสไตล์บ้านไร่ไออรุณ
“ไปต่อได้ถ้าใจยังสู้”
รับมือกับวิกฤติให้ธุรกิจอยู่รอด
ไอเดียการปรับตัวในยุคโควิดตามสไตล์บ้านไร่ไออรุณ
ในเวลานี้ทุกธุรกิจล้วนได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม ธุรกิจมากมายต้องปิดตัวลงไปเพราะไม่สามารถทนพิษบาดแผลที่เกิดขึ้นได้ บางแห่งต้องลดต้นทุนด้วยการลดจำนวนพนักงาน หรือบางแห่งก็ทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางออกให้กับตัวเองและพนักงานอีกหลายชีวิตให้สามารถอยู่รอดต่อไปได้ แต่ไม่ว่าธุรกิจไหนก็ต้องหาไอเดียใหม่ ๆ มาปรับใช้กับธุรกิจของตัวเองกันทั้งนั้น
เช่นเดียวกับ คุณเบสท์ – วิโรจน์ ฉิมมี เจ้าของฟาร์มสเตย์ “บ้านไร่ไออรุณ” จังหวัดระนอง สถานที่ท่องเที่ยวและที่พัก ออกแบบให้ผู้เข้าพักได้มาสัมผัสกับธรรมชาติ สร้างประสบการณ์ที่หาไม่ได้ในเมืองกรุง ซึ่งก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโควิด-19 แต่ก็ยังสู้และปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ โดยยังสามารถดูแลพนักงานกว่า 40 ชีวิตให้มีรายได้และไม่มีใครถูกปลดออกจากการเป็นพนักงานที่บ้านไร่ไออรุณเลย ลองมาดูกันว่าคุณเบสท์มีการรับมืออย่างไร
ไม่ทอดทิ้งพนักงาน
บ้านไร่ไออรุณ มีความจำเป็นต้องปิดให้บริการชั่วคราวเพื่อความสบายใจของคนในระแวกนั้น ทำให้ไม่มีรายได้เข้ามา ด้วยความเป็นห่วงพนักงานที่มีภาระค่าใช้จ่าย คุณเบสท์จึงตัดสินใจว่าจะสู้ต่อไปด้วยกัน โดยให้ทุกคนมีส่วนร่วม แบ่งหน้าที่กันตามความเหมาะสม ทำให้คุณเบสท์มีเพื่อนร่วมต่อสู้กันหลายชีวิต
บ้านไร่ ไออรุณ ระนอง ธรรมชาติ สวยๆ สุดสโลว์ไลฟ์!
ต่อยอดจากสิ่งที่มีอยู่
ในครั้งแรกที่โควิดระบาดหนัก บ้านไร่ไออรุณได้หันมาทำน้ำพริกและไตปลาแห้งขายออนไลน์ ซึ่งขายในเพจบ้านไร่ไออรุ่ณที่มีผู้ติดตามค่อนข้างมากอยู่แล้ว ส่วนน้ำพริกก็ทำมาจากวัตถุดิบที่มีอยู่ในฟาร์ม ซึ่งผลตอบรับค่อนข้างดี พนักงานมีเงินเดือน แม้จะยังไม่เหลือพอถึงคุณเบสท์ แต่ก็ทำให้ผ่านวิกฤตในโควิด-19 ครั้งแรกไปได้อย่างน่าพอใจ
บ้านไร่ ไออรุณ baan rai i arun
วิกฤตครั้งใหม่แต่ใจยังสู้
ช่วงที่เกิดโควิด-19 รอบ 2 สาหัสกว่าครั้งแรกเป็นอย่างมากเพราะระนองเป็นพื้นที่สีแดงที่ห้ามมีการเดินทางข้ามจังหวัด ทำให้ต้องกลับมารับมืออีกครั้งหลังจากที่ตอนแรกเหมือนจะดีขึ้น แถมยังไม่มีการเยียวยาจากภาครัฐ นอกจากนั้นสภาพจิตใจของคุณเบสท์ก็ยังไม่แข็งแรงเพราะเพิ่งสูญเสียคุณแม่ไป แต่ด้วยความที่ทิ้งพนักงานที่ต่อสู้ด้วยกันมาไม่ได้จึงเริ่มลุกขึ้นมาใหม่ หาทางใหม่ ๆ ให้ธุรกิจเดินหน้าต่อ
เงินไม่ใช่คำตอบ ความสุขต่างหาก
ในครั้งนี้คุณเบสท์ไม่เลือกที่จะขายน้ำพริกออนไลน์ต่อ เพราะถึงแม้จะได้ผลลัพธ์ออกมาดี แต่ก็มีเรื่องให้ปวดหัวเยอะมากจากการขนส่งสินค้าที่ล่าช้าทำให้สินค้าเสียหาย สร้างความไม่พอใจให้กับลูกค้า ซึ่งทำให้ทุกคนไม่มีความสุข จึงเลือกที่จะเปลี่ยนเป็นรถพุ่มพวงสไตล์บ้านไร่ไออรุณที่แตกต่างจากรถพุ่มพวงที่เราเคยเห็นกัน ซึ่งไอเดียนี้ถึงจะได้เงินไม่เท่าขายน้ำพริก แต่ก็สร้างความรู้สึกดีให้กับทุกฝ่าย
แตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์
รถพุ่มพวงสไตล์บ้านไร่ไออรุณนั้นเป็นการนำรถสองแถวไม้ที่ใช้รับส่งลูกค้ามาดัดแปลงเป็นรถพุ่มพวง โดยทำการขายพืชผักพื้นบ้านที่ปลูกในฟาร์ม มีคอนเซ็ปต์คือไม่ใช้ถุงพลาสติก แต่จะมีตะกร้าหวาย กระบุง กระเป๋าที่ทำในบ้านไร่ ให้คนได้ซื้อเพื่อใส่ผักกลับไป ในราคาที่ทุกคนไม่สูงจนเกินไป นอกจากนั้นพนักงานทุกคนยังใส่ยูนิฟอร์มของบ้านไร่อีกด้วย
บ้านไร่ ไออรุณ baan rai i arun
ใส่ใจคนและเป็นมิตรกับโลก
พืชผักที่นำมาขายเป็นผักปลอดสารพิษ มีการจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ สะอาด น่าทาน แถมยังมีการลดพลาสติกเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และด้วยความมีเอกลักษณ์ที่ไม่ว่าใครได้พบเห็นก็จะรู้สึกตื่นตาตื่นใจ มาอุดหนุนและมาขอถ่ายรูปเพราะไม่เคยเห็นมาก่อน ทำให้ทั้งคนขายและคนซื้อรู้สึกมีความสุข เป็นภาพที่น่ารักและสร้างความประทับใจให้กับทั้งคุณเบสท์ พนักงานและลูกค้า
การรับมือกับวิกฤตในครั้งนี้ แม้จะไม่ได้ยอดเงินเข้ามามากมาย แต่ก็ยังทำให้ธุรกิจไปต่อได้ แถมยังสร้างรอยยิ้มและความประทับใจจนใคร ๆ ก็อยากบอกต่อ ด้วยความมีเอกลักษณ์ โดดเด่น และแตกต่าง ทำให้บ้านไร่ไออรุณเป็นธุรกิจตัวอย่างที่สามารถปรับตัวและรับมือจากวิกฤตได้อย่างสร้างสรรค์ หากใครกำลังหาทางรับมือกับวิกฤตลองต่อยอดจากสิ่งที่มีอยู่ สร้างความแตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ และอย่าลืมดูแลความรู้สึกของตัวเองกันด้วยนะคะ
ด้วยรัก
แป้ง กนกวรรณ